welcome

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Assignment 2 System

การผลิตน้ำตาลทรายจัดว่าเป็น  System หรือระบบหรือไม่ ถ้าเป็น  System  ส่วนที่เป็น  I P O คืออะไร


                                                                            



 1. Input (ปัจจัยนำเข้า)
  

1.การเก็บเกี่ยวและการขนส่งดูเวลาเก็บเกี่ยวอ้อยขึ้นอยู่กับเวลาเปิดหีบของโรงงาน ซึ่งทางราชการเป็นผู้กำหนดเป็นรายปี
 2. กำหนดให้เปิดหีบได้ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน เป็นต้นไป แต่โรงงานส่วนมากมักจะเปิดหีบในราวปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงกลางเดือนธันวาคม ดังนั้นเวลาเก็บเกี่ยวอ้อยจึงผันแปรไปตามเวลาเปิดหีบของโรงงานด้วย ก่อนกำหนดเปิดหีบโรงงานบางโรง โดยเฉพาะที่ซื้ออ้อยตามคุณภาพ 
3. ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจคุณภาพอ้อยเป็นระยะๆ ตรวจด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า แฮนด์รีแฟรกโตมิเตอร์ (hand refractometer) วัดความหวานของอ้อยโดยตรงในไร่ หรือบางทีก็เก็บตัวอย่าง เข้ามาวิเคราะห์ความหวาน ที่โรงงานน้ำตาล 
4.เมื่อเห็นว่าอ้อยนั้นมีความหวานพอก็จะสั่งให้ตัดตามกำหนด การตรวจวัดความหวาน และการตัดจะเริ่มต้นจากอ้อยตอก่อน อายุเก็บเกี่ยวของอ้อยตอประมาณ ๙-๑๒ เดือน ส่วนของอ้อยปลูกประมาณ ๑๒-๑๔ เดือน


                                                                                 

     

การเก็บเกี่ยวอ้อยด้วยแรงคน
การเก็บเกี่ยวอ้อยด้วยแรงคน
http://kanchanapisek.or.th

 2.Process (กระบวนการประมวลผล)

1.
กระบวนการสกัดน้ำอ้อย (Juice Extraction) :
ทำการสกัดน้ำอ้อยโดยผ่านอ้อยเข้าไปในชุดลูกหีบ (4-5 ชุด) และกากอ้อยที่ผ่านการสกัดน้ำอ้อยจากลูกหีบชุดสุดท้าย จะถูกนำไปเป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้ภายในเตาหม้อไอน้ำ เพื่อผลิตไอน้ำมาใช้ในกระบวนการผลิต และน้ำตาลทราย
2.
การทำความสะอาด หรือทำใสน้ำอ้อย
(Juice Purification) :
น้ำอ้อยที่สกัดได้ทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการทำใส เนื่องจากน้ำอ้อยมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ จึงต้องแยกเอาส่วนเหล่านี้ออกโดยผ่านวิธีทางกล เช่น ผ่านเครื่องกรองต่าง ๆ และวิธีทางเคมี เช่น โดยให้ความร้อน และผสมปูนขาว
3.
การต้ม (Evaporation) :
น้ำอ้อยที่ผ่านการทำใสแล้วจะถูกนำเข้าสู่ชุดหม้อต้ม (Multiple Evaporator) เพื่อระเหยเอาน้ำออก(ประมาณ 70 %) โดยน้ำอ้อยข้นที่ออกมาจากหม้อต้มลูกสุดท้าย เรียกว่า น้ำเชื่อม (Syrup)
4.
การเคี่ยว (Crystallization) :
น้ำเชื่อมที่ได้จากการต้มจะถูกนำเข้าหม้อเคี่ยวระบบสุญญากาศ (Vacuum Pan) เพื่อระเหยน้ำออกจนน้ำออกจนน้ำเชื่อมถึงจุดอิ่มตัว ที่จุดนี้ผลึกน้ำตาลจะเกิดขึ้นมา โดยที่ผลึกน้ำตาล และกากน้ำตาลที่ได้จากการเคี่ยวนี้รวมเรียกว่า แมสิควิท (Messecuite)
5.
การปั่นแยกผลึกน้ำตาล (Centrifugaling) :
แมสิควิทที่ได้จากการเคี่ยวจะถูกนำไปปั่นแยกผลึกน้ำตาลออกจาก กากน้ำตาล โดยใช้เครื่องปั่น (Centrifugals) ผลึกน้ำตาลที่ได้นี้จะเป็นน้ำตาลดิบ








http://www.thaisugarmillers.com
https://www.google.co.th


3.Output(แสดงผลลัพธ์)

1.
การปั่นละลาย (Affinated Centrifugaling) :
นำน้ำตาลดิบมาผสมกับน้ำร้อน หรือน้ำเหลืองจากการปั่นละลาย (Green Molasses) น้ำตาลดิบที่ผสมนี้เรียกว่า แมกม่า (Magma) และแมกม่านี้จะถูกนำไปปั่นละลายเพื่อล้างคราบน้ำเหลือง หรือกากน้ำตาลออก
2.
การทำความสะอาด และฟอกสี (Clarification) :
น้ำเชื่อมที่ได้จากหม้อปั่นละลาย (Affinated Syrup) จะถูกนำไปละลายอีกครั้งเพื่อละลายผลึกน้ำตาลบางส่วนที่ยังละลายไม่หมดจากการปั่น และผ่านตะแกรงกรองเข้าผสมกับปูนขาว เข้าฟอกสีโดยผ่านเข้าไปในหม้อฟอก (ปัจจุบันนิยมใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวฟอก) จากนั้นจะผ่านเข้าสู่การกรองโดยหม้อกรองแบบใช้แรงดัน (Pressure Filter) เพื่อแยกตะกอนออก และน้ำเชื่อมที่ได้จะผ่านไปฟอกเป็นครั้งสุดท้ายโดยกระบวนการแลกเปลี่ยนประจุ (Ion Exchange Resin) จะได้นำเชื่อมรีไฟน์ (Fine Liquor)
3.
การเคี่ยว (Crystallization) :
น้ำเชื่อมรีไฟน์ที่ได้จะถูกนำเข้าหม้อเคี่ยวระบบสูญญากาศ (Vacuum Pan) เพื่อระเหยน้ำออกจนน้ำเชื่อมถึงจุดอิ่มตัว
4.
การปั่นแยกผลึกน้ำตาล (Centrifugaling) :
แมสิควิทที่ได้จากการเคี่ยวจะถูกนำไปปั่นแยกผลึกน้ำตาลออกจากกากน้ำตาล โดยใช้เครื่องปั่น (Centrifugals) ผลึกน้ำตาลที่ได้นี้จะเป็น น้ำตาลรีไฟน์ และน้ำตาลทรายขาว
5.
การอบ (Drying) :
ผลึกน้ำตาลรีไฟน์ และน้ำตาลทรายขาวที่ได้จากการปั่นก็จะเข้าหม้ออบ (Dryer) เพื่อไล่ความชื้นออก แล้วบรรจุกระสอบเพื่อจำหน่าย



น้ำตาลทรายพร้อมส่งขาย

ที่มา
3.https://www.google.co.th

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Assignment 1



1.smartphone คืออะไรมีประโยชน์อย่างไรบ้าง บอกมา5ประการ

smartphone คือ

smartphone คือ โทรศัพท์ที่รองรับระบบปฏิบัติการ ต่างๆได้  เสมือนยกเอาคุณสมบัติที่ PDA และคอมพิวเตอร์มาไว้ในโทรศัพท์ เช่น iOS (ที่ลงในมือถือรุ่น Iphone) ,BlackBerry OS, Android OSWindows phone 7 และ Symbian Os  (Nokia) เป็นต้น ซึ่งทำให้ สมาร์ทโฟน สามารถลงโปแกรมเพิ่มเติม (Application) ได้ 

คุณสมบัติของสมาร์ทโฟน
1.การเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สาย นี่เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่จะทำให้ smart-Phone เช่น นั่นคือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ PDA โทรศัพท์เครื่องอื่น พริ้นเตอร์ หรือกล้องดิจิตอล ผ่านทาง อินฟราเรด บลูทูธ หรือ Wi-Fi
2.สามารถรองรับไฟล์ Multimedia ได้หลากหลายรูปแบบ เช่นไฟล์ ภาพ,ภาพเคลื่อนไหว เช่นภาพเคลื่อนไหวสกุล .gif เสียง ซึ่งก็จะมีหลายรูปแบบ เช่น ไฟล์ Wave, MP3, Midi ต่อไปเป็นไฟล์วิดีโอ ซึ่งจะสามารถรองรับภาพเคลื่อนไหว หรือภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียง เช่นสกุล .3gp .mp4 เป็นต้น




ประโยชน์ของsmartphone





 ผลการสำรวจของ Nielsen ในอังกฤษ เทียบ Q2/Q3 2009 พบว่าคนใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 10%
 (5.6M to 6.2M) สมาร์ทโฟนตอนนี้มีส่วนแบ่งตลาดในอังกฤษประมาณ 15%
ส่วนจะมีสมาร์ทโฟนแล้วเอามาทำอะไรกันบ้าง (นอกจากโทร) ดูได้จากตาราง 







http://smartphonekp33.blogspot.com/2011/08/blog-post_29.html


2.Android  คืออะไร ปกติจะพบสิ่งนี่ที่ไหน

android คือ software ที่ติดต่อกับ hardware ทุกชิ้น และยังทำหน้าที่ควบคุมการทำงานทุกอย่างให้ทำงานร่วมกันได้เช่น ทำให้ ฟังเพลงพร้อมกับเล่นเกมส์ได้ หรือทำให้รับ sms พร้อมกับพิมพ์ email ได้ด้วย โดย android ยังเอื้อการทำงานหลายส่วนไปให้กับคนที่ชอบสร้างโปรแกรมอีกด้วย จึงจะพบว่าหลายคนเริ่มเขียนโปรแกรมเพื่อใช้งานบน android และหลายคนก็เขียนโปรแกรมขายเพื่อใช้บน android ด้วยซ้ำไป ซึ่งจุดนี้ ทำให้ android มีโปรแกรมที่ทำงานได้หลากหลายเหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานเลย เราสามารถดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ ท่อง internet chat กับเพื่อน comment hi5 facebook twitter ใช้เป็นเครื่องคิดเลข ปฏิทิน เป็นเข็มทิศ(บางรุ่น) เป็นแผนที่ เป็น GPS และอื่นๆอีกมากมาย เหนือจินตนาการ สำหรับ android นี้เป็นหนึ่งในแผนการครองโลกของ google ครับ (เรื่องจริงที่เอามาล้อเล่นกันบ่อยๆ 555) เพราะว่า google เป็นเจ้าของ และเป็นผู้ที่เริ่มสร้าง android ขึ้นมา (สร้างเลยนะครับ) โดย android นี้ google ก็ไม่ได้กีดกันคนทั่วไปที่อยากพัฒนา เพราะว่า google ยอมให้เอา android ไปพัฒนาต่อได้เอง โดยใครอยากเอาไปทำอะไรก็เต็มที่เลย ล่าสุดผมเห็นอุปกรณ์นำทางติดรถยนต์ (GPS) ก็ใช้ android แล้วเช่นกัน หรือ ผมก็เห็นพัฒนาเอามาใช้บน netbook แล้วด้วยเช่นกัน
http://www.prd.go.th/ewt_news.php?nid=5435


รู้จักกับ Android คืออะไร ? จะเขียนโปรแกรมบนแอนรอยด์จะต้องติดตั้ง Software อะไรบ้าง ? - เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า Android ได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดา OS ที่ถูกติดตั้งบน SmartPhone หรือ Tablets ในรุ่นต่าง ๆ ที่ออกสู่ท้องตลาดในปัจจุบัน ดังนั้นจะไม่ขออธิบายรายละเอียดมากว่า Android คืออะไรมีประวัติอะไร Android เป็น OS ที่เป็น Open Source ของค่าย Google ออกมาเมื่อประมาณปี 2006 ที่ทำงานบน SmartPhone หรือ Tablets ทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกับ App ที่พัฒนาขึ้นบน Android นั่นเอง Android เป็น OS ที่มาทำตลาดแข่งขันกับ iOS ของค่าย Apple และในขณะนี้ Android ก็ได้แซงล้ำหน้า iOS เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (จำนวนผู้ใช้งาน) อันเนื่องจากเป็น Open Source ที่สามารถใช้งานได้ฟรี และติดตั้งได้กับ SmartPhone หรืออุปกรณ์ได้หลากหลาย และนัก Developer ทั้งหลาย สามารถพัฒนาApplication บน Android ด้วย Laptop / Notebook หรือ PC Desktop ธรรมดา อีกทั้งยังสามารถพัฒนาบนเครื่อง Mac ได้เช่นเดียวกัน จึงได้เกิดนักพัฒนาขึ้นมากมาย ซึ่งตรงกันข้ามกับ iOS ที่สามารถใช้ได้กับเครื่องของ Apple เท่านั้น และการพัฒนาโปรแกรมก็จะต้องทำบนเครื่อง Mac ในปัจจุบัน Android มี App หลายล้าน App (ที่อยู่ใน Android Market) ทั้งที่สามารถดาวน์โหลดได้ใช้งานได้ หรือเสียเงินซื้อ Android กำลังได้รับความนิยมจากองค์กรธุรกิจจำนวนมายที่นำ Application เหล่านี้มาใช้งาน่วมกับธุรกิจหลาย ๆ ประเภท เพราะฉะนั้นการที่จะหันมาศึกษา Android ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมความรู้ความสามารถในการเขียนโปรแกรมได้เช่นเดียวกัน

ความสามารถของ Android นั้นทำได้หลากหลายมาก สามารถเขียนทำงานร่วมกับ Hardware ได้เกือบทุกอย่าง เช่น การเขียน Application จัดการด้านฐานข้อมูล การเขียนควบคุมกับอุปรกรณ์ภายนอก การพัฒนาด้าน PGS (ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก) หรือแม้กระทั้งการออกแบบกราฟิกหรือการเขียนเกมส์ต่าง ๆ ก็สามารถพัฒนาใน Android ได้เช่นเดียวกัน 

Android Logo




Logo และสัญลักษณ์ ของ Android


ตัวอย่างอุปกรณ์และหน้าตาของ Android OS


Android Tablets


ตัวอย่าง Tablets ที่ติดตั้ง OS ของ Android


Android Tablets


อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ติดตั้ง OS ของ Android


ในบทความนี้จะเรียนรู้พื้นฐานและองค์ประกอบที่จะนำมาเขียนโปรแกรมบน Android ว่าเราจะต้องเตรียมพร้อมและติดตั้ง Software อะไรบ้าง สำหรับพื้นฐานการเขียนโปรแกรมบน Android ถ้ามีพื้นฐานการเขียน JAVA มาก่อนแล้ว ก็จะสามารถเข้าใจโครงสร้างและรูปแบบการเขียนได้อย่างรวดเร็ว เพราะ Android จะใช้โครงสร้างของภาษา JAVA ในการพัฒนาเป็นหลัก และใน Android นั้นการเขียนโปรแกรมจะมี API Library ที่ถูกพัฒนาสำหรับ Android ให้เลือกใช้มากมายเช่น API Library ที่ช่วยจัดการเกี่ยวกับพวก Graphic การออกแบบ Multimedia หรือ API Library ที่เกี่ยวข้องกับ GPS , Bluetooth , EDGE , 3G , WIFI หรือ SQLite ที่จะเข้ามาจัดการเกี่ยวกับฐานข้อมูล Database ซึ่งถ้ามีโอากาสจะได้ทำการ Review เกี่ยวกับAPI Library ที่จะได้ใช้งานกันบ่อย ๆ 

Android SmartPhone

ตัวอย่างหน้าจอโปรแกรมต่าง ๆ ใน Android ที่ถูกติดตั้งลงใน SmartPhone


สิ่งที่ต้องมีในการเขียนโปรแกรม Android

1. Eclipse Development Tools and Java Development Kit (JDK)
2. ADT (Android Development Tools Plugin for eclipse)
3. Android SDK
4. Android Virtual Device Manager (Emulator)

http://arit.rmutsv.ac.th/blogs/

3.Cyber Bully หมายถึงอะไร อธิบายมา1 ย่อหน้า ไม่ต่ำกว่า 10บรรทัด


“Cyberbullying


“Cyberbullying คือ การรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์ระหว่างเด็กกระทำต่อเด็กด้วยกัน โดยรูปแบบการรังแกกันมีทั้งการใส่ร้ายป้ายสี การใช้ถ้อยคำหยาบคายต่อว่าผู้อื่น หรือการส่งต่อข้อมูลลับเพื่อทำให้ผู้อื่นเสียหายผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่การส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยการรังแกกันจะต้องมีความต่อเนื่อง และทำให้ฝ่ายที่ถูกกระทำรู้สึกเจ็บปวดหรือได้รับผลกระทบทางจิตใจ”

Cyberbullying เป็นความรุนแรงที่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ ซึ่งสามารถทำความรุนแรงกับใคร ที่ไหน หรือเมื่อไรก็ได้ และผู้กระทำก็สามารถจะตอกย้ำความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยที่สักวันหนึ่งเหยื่อที่เคยถูกกระทำ ก็อาจกลับมาเป็นผู้กระทำความรุนแรงเองเพื่อแก้แค้น เป็นวงจรความรุนแรงที่ไม่มีจุดจบ ด้วยเห็นว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ เขาก็ทำกัน ซึ่งผลกระทบก็คือความรุนแรงและบาดแผลที่เกาะกินในจิตใจของเด็กๆ
จากการสำรวจเด็กในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า มีเด็กถึง 48% ที่อยู่ในวงจร Cyberbullying โดยอาจเป็นทั้งผู้กระทำ เหยื่อ และผู้เฝ้าดูหรือส่งต่อข้อมูลไปยังกลุ่มอื่นๆ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่ที่อยู่ในวงจรนี้จะอยู่ในชั้นมัธยมต้น โดยเวลาที่ใช้ในการ Cyberbullying คือ ช่วง 6 โมงเย็น – 3 ทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆ ทำการบ้านและใช้อินเตอร์เน็ตค่ะ

...........................................................................

วงจร Cyberbullying รอบโลก
ปรากฏการณ์การเกิด Cyberbullying จากทั่วทุกมุมโลกกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ภาครัฐต้องเข้าไปจัดการดูแล เพราะได้คร่าชีวิตเด็กๆ ที่หลุดเข้ามาอยู่ในวงจรนี้ไปแล้วมากมาย

**งานวิจัยจาก The National Children’s Bureau เปิดเผยว่าเด็กในประเทศอังกฤษจำนวน 1 ใน 5 คนได้รับผลกระทบจาก Cyberbullying โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 10-19 ปี และพบว่าเด็กผู้หญิงจะตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงมากกว่าผู้ชาย

**จากการสำรวจของ The Chinese University of Hong Kong พบว่านักเรียน 1 ใน 3 ของ 1,800 คน เคยเป็นเหยื่อ Cyberbullying

** ผลสำรวจของ The City University of Hong Kong พบว่า 32.1% จาก นักเรียน 1,818 คน เคยฝึกการ Cyberbullying ซึ่ง 44% ของนักเรียนกลุ่มนี้ บอกว่า ทำเพราะเป็นเรื่องสนุก

…………………………………………………………….

http://www.healthygamer.net/information/article/9874



ที่มา